วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ละคร เรื่องรามเกียรติ์

บทละครเรื่อง รามเกียรติ์ เป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เนื้อเรื่องมาจากวรรณคดีของอินเดียเรื่อง รามายณะ อันเป็นวรรคดีที่สำคัญและมีมานานกว่า ๒๐๐๐ ปีมาแล้ว ไทยเรานำมาเล่นเป็นหนังและโขนตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ได้ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง รามเกียรติ์ เป็น กลอนบทละคร แต่ไม่แพร่หลายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงเกรงว่า เรื่อง รามเกียรติ์ จะสูญไปเสียจึงได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นและได้โปรดเกล้าฯ ในกวีในสมัยของพระองค์ร่วมนิพนธ์ด้วยหลายตอนรามเกียรติ์ฉบับพระราชนิพนธ์ฉบับนี้ ถ้าเปรียบเทียบกับวรรณคดีเรื่อง รามายณะ ของอินเดียแล้วก็มีที่แตกต่างกันหลายอย่าง เช่น เนื้อเรื่องบางตอน ชื่อตัวละครบางตัว เป็นต้นนอกจากนี้ในอินเดีย วรรณคดีเรื่องนี้ถือกันว่าเป็นคัมภีร์สำคัญเพราะเป็นเรื่องราวที่แสดงให้เห็นอิทธิฤทธิ์ของ พระผู้เป็นเจ้าในศาสนาพราหมณ์ ด้วยเหตุที่ไทยเรานับถือพุทธศาสนา เราจึงมิได้ยึดถือเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจังนัก ดังที่กล่าวไว้ในตอนท้ายเรื่องว่า

อันพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์
ทรงเพียรตามเรื่องนิยายไสย
ใช่จะเป็นแก่นสารสิ่งใด
ตั้งพระทัยสมโภชบูชา
ใครฟังอย่าได้ไหลหลง
จงปลงอนิจจังสังขาร์
ซึ่งอักษรกลอนกล่าวลำดับมา
โดยราชปรีดาก็บริบูรณ์
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. ๒๒๗๙ ในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระนามเดิมว่า ทองด้วง เมื่อทรงเจริญวัยได้เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กในสมเด็จเจ้าฟ้าอุทุมพรต่อมาในรัชการพระเจ้าเอกทัศน์ได้เป็นหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ และสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกู้อิสรภาพได้แล้ว ทรงรับราชการอยู่ด้วยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงเป็นแม่ทัพสำคัญในการปราบปรามชุมนุมต่างๆ และหัวเมืองเขมร ลาว แข็งข้อ ตลอดจนกองทัพพม่าที่ยกมาตีเชียงใหม่ และพิษณุโลกได้อย่างสามารถ มีความดีความชอบได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นโดยลำดับจากพระราชวรินทร พระยาอภัยรณฤทธิ์ พระยายมราช เจ้าพระยาจักรี จนถึงสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ต่อมากรุงธนบุรีเกิดจลาจล สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ ประชาราษฏร์จึงได้กราบทูลอัญเชิญสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกขึ้นครองราชย์สมบัติเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕ พระองค์ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์และได้ทรงย้ายราชธานีมาอยู่ ณ กรุงเทพมหานคร ตลอดรัชการพระองค์ต้องทรงกระทำสงครามกับพม่า ยามสงบศึกก็ทรงบูรณะ ฟื้นฟูพระนครและพระราชอาณาจักรหลายด้านเช่น การปกครอง เศรษฐกิจ การทหาร พระพุทธศาสนา วัฒนธรรมและศิลปกรรม และที่สำคัญยิ่งคือ ได้ทรงริเริ่มการสังคายนาพระไตรปิฏกและจารึกไว้เป็นหลักฐานอย่างครบถ้วน พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถทั้งในการรบและการประพันธ์ ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ฉบับสมบูรณ์บทละครเรื่อง อิเหนา อุณรุท นิราศเรื่องรบพม่าที่ท่าดินแดง และกวี ช่วยกันแต่งวรรณกรรมต่างๆ ที่เคยมีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา แต่ได้สูญหายไปเมื่อคราวเสียกรุง ให้แต่งขึ้นใหม่เป็นวรรณคดีสำหรับพระนคร พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงครองราชย์สมบัติอยู่ ๒๗ปี เสด็จสวรรคต เมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๒ พระชนมายุ ๗๓ พรรษา
สังเขปเรื่องรามเกียรติ์ ก่อนถึงตอนศึกไมยราพ
เรื่องรามเกียรติ์ เป็นเรื่องยาวมาก ต้นเค้านั้นคือ ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู โลกของเรานี้จะมีคนพาลมาเกิดและก่อการร้ายทั่วไป แล้วพระนารายณ์ซึ่งเป็นพระเจ้าองค์หนึ่งของฮินดูก็จะอวตาร หรืออีกนัยหนึ่งลงมาเกิดในมนุษย์โลก และปราบพาล ให้มนุษย์ได้มีสันติสุขเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดเป็นระยะไป ในเรื่อง รามเกียรติ์ พระนารายณ์ได้อวตารมาเป็นพระราม เพื่อมาปราบทศกัณฐ์ และวงศ์ญาติที่มีฤทธิ์อำนาจมาก แต่เป็นพาล เรื่องย่อก็คือ พระรามได้รับโองการจากพระบิดาให้มาดำเนินชีวิตเป็นนักบวชอยู่ ในป่าก่อนที่จะรับราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินสืบราชวงศ์ต่อไป พระลักษณ์ผู้เป็นพระอนุชา และนางสีดาผู้เป็นชายา ของพระรามก็ตามมาด้วยความภักดี ทศกัณฐ์เมื่อเห็นสีดาก็ลุ่มหลง จึงทำกลลวง ให้พระรามและพระลักษณ์ทิ้งนางสีดาไว้ณ บรรณศาลาที่พักแต่ลำพัง แล้วทศกัณฐ์ก็ไปลักตัวนาง สีดามาไว้ในกรุงลงกา
พระรามกับพระลักษณ์ได้รับความช่วยเหลือจากชายนครขีดขิน ซึ่งเป็นลิงที่มีฤทธิ์เดชโดยเฉพาะหนุมานเป็นลิงที่มีฤทธิ์เดชมาก และเป็นผู้ที่มีความภักดีต่อพระรามอย่างยิ่ง พระรามและพระลักษณ์ กับลิงชาวนครขีดขินได้รวมกันเป็นกองทัพใหญ่ สร้างถนนข้ามมหาสมุทรมาตั้งทัพในเกาะลงกา ซึ่งไม่เคยมีผู้ใดสามารถทำได้
ทศกัณฐ์ได้ให้ญาติหลายตนออกรบกับพระรามต่างก็พ่ายแพ้เสียชีวิต ทศกัณฐ์จึงคิดถึงไมยราพ ซึ่งครองเมืองบาดาลว่าเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีกล้องสำหรับเป่ายาวิเศษพร้อมด้วยมนต์สำหรับสะกดให้คนหลับ จึงไปขอให้ไมยราพมาช่วยทำสงคราม
ก่อนที่ไมยราพจะได้รับข่าวสงคราม ไมยราพฝันว่า มีดาวดวงน้อยเปล่งรัศมีบดบังดวงจันทร์ ครั้นให้โหรทำนายฝัน โหรทูลว่าจะมีพระญาติได้ขึ้นผ่านราชสมบัติแทนพระองค์ไมยราพได้ให้โหรตรวจดวงชะตาของพระญาติ โหรพบว่าดวงชะตาของไวยวิกแสดงว่าจะได้ขึ้นสืบราชสมบัติ ไมยราพจึ้งให้จับไวยวิกกับมารดาคือนางพิรากวนไปใส่ตรุไว้
ฝ่ายพระรามฝันอสุรินทร์ราหูจับพระอาทิตย์แล้วพาเคลื่อนไป แต่พระรามยื่นมือไปหักฉัตรในพรหมโลกได้ ส่วนพระบาทนั้นยื่นลงไปยังใต้ธรณี พิเภกซึ่งเป็นโหรของพระรามพยากรณ์ ว่าพระรามจะถูกศัตรูจับไปและภายหลังจะรอดมาได้ จะมีเกียรติยศเลื่องลือไปทั่วจนถึงพรหมโลก
เมื่อได้ทราบเช่นนั้น กองทัพของพระรามก็จัดการอยู่ยามรักษาพระรามกันอย่างเข้มงวด หนุมานนิมิตตนให้มีกายใหญ่ และอมพลับพลาของพระรามไว้ พระลักษมณ์นั้นนั่งเป็นยามคอยเฝ้าอยู่กับแท่นที่บรรทมของพระราม
ไมยราพได้ลอบเข้าไปใกล้กองทัพพระราม แล้วแปลงตัวเป็นลิงป่าตัวเล็กเข้าไปปะปนกับพลทหารลิงของพระราม ได้ทราบจากพลทหารว่า เมื่อถึงเวลาพระอาทิตย์ทอแสงขึ้นมาจากขอบฟ้า พระรามก็จะพ้นเคราะห์ ไมยราพจึงเหาะขึ้นไปบนอากาศ กวัดแกว่งกล้องทิพย์ให้เกิดแสงทำให้พลทหารลิงเห็นว่าเป็นเวลาเช้าตรู่แล้ว พลลิงทั้งหลายก็หยอกเย้ากัน และพากันนอนไมยราพจึงเข้าไปใกล้พลับพลาของพระรามได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น