วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

การดูแลผิวหน้าไม่ให้แห้งเหี่ยว

1. ผิวแห้งและเหี่ยว อาการแรกเริ่มของผิวในหน้าหนาว เกิดจากผิวขาดความชุ่มชื้น เพราะอากาศสัมพัทธ์หรือความชื้นรอบตัวน้อย ทำให้ร่างกายเสียน้ำมากกว่าปกติ จึงแห้งและเกิดริ้วรอย บริเวณที่ผิวแห้งเป็นประจำคือ หน้าแข้ง หลังมือ แขน 2. ผิวแตก เป็นผลต่อเนื่องจากผิวแห้งที่ขาดการดูแลรักษา ทำให้ผิวหนังชั้นบนหดตัว และแห้งแตกเป็นร่อง เช่น ริมฝีปาก ส้นเท้า เป็นต้น 3. คันและอักเสบที่ผิว เมื่อผิวแห้งมักเกิดอาการคันทำให้ต้องเกา ยิ่งเกาก็ยิ่งคันมากขึ้น อาจทำให้เป็นแผลและอาการอักเสบภายหลัง 4. ผิวแพ้ง่าย ผิวที่แห้งจะไวต่อการระคายเคืองและแพ้ง่าย เพราะโดยธรรมชาติผิวต้องปิดสนิทและมีน้ำมันเคลือบผิวอยู่อีกชั้นหนึ่ง เรียกว่า Natural barrier หรือเกาะป้องกันผิว เมื่อผิวสูญเสียความชุ่มชื้นไป ผิวจะเผยอหรือเป็นขุย ทำให้เชื้อโรคจากฝุ่นละออง หรือส่วนผสมต่าง ๆ ในครีมบำรุงซึมเข้าสู่ผิวเร็วขึ้น จึงเกิดอาการแพ้และระคายเคืองได้ง่าย 5. โรคเซ็บเดิม จัดอยู่ในประเภทเดียวกับโรคภูมิแพ้ตระกูลหอบหืด แต่มีสาเหตุมาจากเชื้อยีสต์บริเวณผิวเจริญเติบโตมากผิดปกติ จนเกิดเป็นผื่น บวมแดง คัน ลอกเป็นขุยจากร่องจมูก หัวคิ้ว หนังศีรษะ หรือลุกลามไปทั้วทั้งตัวได้ พบมากและกำเริบในช่วงหน้าหนาว เนื่องจากอากาศแห้งเป็นตัวกระตุ้น มักเกิดกับคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือมีประวัติของคนในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะทารกและผู้สูงอายุ การรักษาคือ กินยาลดการอักเสบจำพวกเสตรียลอยด์และย่าฆ่าเชื้อยีสต์ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นและไม่ใช้สบู่หรือครีมใด ๆ เพิ่มปราการปกป้องผิว ปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ให้เหมาะกับสภาพผิว ผลิตภัณฑ์บางอย่างที่ใช้ได้ผลดีใน หน้าร้อน แต่อาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ในหน้าหนาว ควรเลือกครีมเนื้อเข้มข้น ชนิด Water in oil เพราะมีน้ำมันช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวได้นานขึ้น ใครที่ผิวแห้งมากลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารช่วยลดการสูญเสียน้ำ อาทิ Vaseline, Petrolatum, Lanolin, Ceramide และมีส่วนผสมของ AHAs, Salicylic acid, Lactic aicd และมอยเจอร์ไรเซอร์สูง เพื่อช่วยลดการตึงตัวของผิวหนัง ใช้ครีมกันแดด หน้าหนาวมีช่วงเวลาที่แดดออกค่อนข้างสั้น แต่ในแดดนั้นจะมีรังสีอัลตราไวโอเลตอยู่มาก จึงต้องเลือกครีมกันแดดที่มี SPF ตั้งแต่ 25 ขึ้นไปเพื่อกันรังสีUVชนิด B ซึ่งทำให้ผิวไหม้เกรียม และเลือก PA (Protection Grade of UVA) ตั้งแต่ 3 บวก (PA+++) ขึ้นไป เพื่อป้องกันรังสีUV ชนิด A ซึ่งเป็นสาเหตุของความหมองคล้ำ ล้างหน้าให้ถูกวิธี โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดที่มีฟองน้อย ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ใช้น้ำลูบใบหน้าให้เปียกก่อนแล้วจึงบีบครีมล้างหน้าใส่มือ เพื่อให้ครีมเจือจางลง ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหน้าแห้งและระคายเคืองได้ พยายามไม่อาบน้ำอุ่น เพราะเป็นการเร่งให้ผิวแห้งมากขึ้น และควรหลีกเลี่ยงการ อบซาวน่า หรือขัดผิวเพราะผิวกำลังอ่อนแอ กินให้สวยท้าลมหนาว ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว เพราะอากาศหนาวทำให้เราปัสสาวะบ่อย ร่างกายสูญเสียน้ำ ผิวจึงแห้งง่าย รับประทานผักผลไม้มากๆ ช่วงหน้าหนาวแนะนำให้กินผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น พริกขี้หนู พริกหวาน ส้ม มะขาม ฝรั่ง เพราะนอกจากบำรุงผิวยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน ป้องกันหวัดได้อีกด้วย เด็กทารก ผู้สูงอายุ และผู้ที่ไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมได้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูงและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ชีส ซุป น้ำสลัดน้ำข้น โยเกิร์ต เพราะการที่กระเพาะย่อยน้ำตาลในนมไม่ได้ ร่างกายจึงต้องไปดึงเชื้อยีสต์ในลำไส้มาช่วยย่อยน้ำตาล ทำให้เชื้อยีสต์มีจำนวนมากขึ้น(Over Growth) เมื่อถูกกระตุ้นด้วยอากาศแห้งในหน้าหนาวจะทำให้เกิดโรคเซ็บเดิม และปวดไขข้อได้ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา จะทำให้ปัสสาวะบ่อยเนื่องจากคาเฟอีนมีส่วนในการขับปัสสาวะ แนะนำให้เลี่ยงมาดื่มเครื่องดื่มสมุนไพรหรือชาผลไม้ที่ไม่มีส่วนผสมของคาเฟอีนแทน สูตรถนอมหน้ารับลมหนาว สำหรับสาว ๆ ที่ชอบทำมาสก์เองด้วยผลิตผลจากธรรมชาติ หน้าหนาวอย่างนี้แนะนำให้ใช้นมสด 1/2 ช้อนชาและน้ำผึ้งแท้ 1/2 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันแล้วทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 8-10 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด นมสดจะช่วยให้หน้าเนียนนุ่ม ไม่แห้ง ส่วนน้ำผึ้งรักษาความชุ่มชื้นและลดการระคายเคืองได้ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น